
พอดีก่อนหน้านี้ทางผมได้เริ่มตามหาบอร์ดพัฒนาทางด้าน Linux หรือ Embedded Linux ที่เป็น Industrial grade เพื่อให้ temperature range มากกว่าเกรดของบอร์ดพัฒนาปกติทั่วไป และสามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมได้ โดยเน้นราคาเพื่ออยากให้นักพัฒนาทั่วไปสามารถใช้ได้ด้วย
เผอิญว่าค้นหาข้อมูลไปเจอว่า
OLINUXINO is Open Source software and Open Source Hardware, low cost EUR 30 Linux Industrial grade single board computer with GPIOs capable of operating at -25+85C.
จาก https://www.olimex.com/Products/OLinuXino/open-source-hardware
ลองอ่านสเปคดูพบว่าใช้ SoC ของ Allwinner A10 ซึ่งมาจากฝั่งจีน และราคา SoC ก็ถูกมาก สามารถต่อยอดได้เลยสำหรับบริษัทที่ต้องการผลิตบอร์ดของตนเอง มีฟีเจอร์ทางด้าน multimedia ที่ดีสูสีกับ Raspberry PI เช่นเล่นวีดีโอ 1080p ได้
ก็เลยเอาละทดลองสั่งมาซัก 6 ชุดดู โดนค่าส่ง โดนภาษีไปก็จุกพอสมควรครับ
พอเปิดกล่องมาเชคๆ ก่อนแล้วก็พบว่า part ของ RAM มันไม่ใช่ industrial grade แฮะ ( – * – ) หรือว่าผมดูผิด โอเคไม่เป็นไรค่อยทดลองเรื่องอุณหภูมิจริง
ตอนนี้เรามาลองดู unbox กันดีกว่าครับ
หน้าตา package ก็บ่งบอกผู้ผลิตว่าเป็นของ OLimex จริงๆ ครับ
ขนาดของบอร์ดที่ใส่มาพอดีกับกล่องเลยครับ
หน้าตาของบอร์ดก็มีขนาดเล็กดี แต่ข้อเสียที่เห็นมาแต่ไกลคือ GPIO เป็นแบบ 2mm ซึ่งมันเล็กกว่าปกติที่เราๆ ใช้กัน แต่ไม่เป็นไรเราสั่งตัวแปลง 2mm เป็น 2.54 mm ด้วย ( ^ ^ )
ลองมาดูสเปคของบอร์ดนี้กันหน่อยละกันครับ
FEATURES
- A10 Cortex-A8 CPU 1GHz and Mali 400 GPU
- 512MB DDR3 RAM memory
- SATA connector with 5V SATA power jack
- HDMI connector with FullHD support (1080p)
- 2 x USB High-speed host with power control and current limiter
- USB-OTG with power control and current limiter
- 100MBit native Ethernet
- LiPo Battery connector with battery-charging capabilities
- LCD connector compatible with with 4.3″, 7.0″, 10.1″ LCD modules from Olimex
- 160 GPIOs on four GPIO connectors
- MicroSD card connector
- DEBUG-UART connector for console debug with USB-SERIAL-CABLE-F
- GPIO LED
- Battery charge status LED
- Power LED
- 2KB EEPROM for MAC address storage and more
- 3 BUTTONS with ANDROID functionality + RESET button
- 4 mount holes
- 5V input power supply, noise immune design
- PCB dimensions: 84×60 mm
จุดเด่นที่น่าสนใจในเชิง perepheral มีหลายด้านมากเช่น
- มี SATA Connector เอาไว้ต่อฮาร์ดดิสก์,
- HDMI ที่สามารถต่อแบบ fulHD (1080p) ได้,
- มีที่สำหรับลงอุปกรณ์เพิ่มอย่าง NAND-Flash,
- ช่องเสียบ LiPo Battery พร้อมที่ชาร์จ
ทีนี้เราสั่งกล่องมาคู่กันด้วย เพื่อต้องการเอาไปใช้งานจริง
หน้าตาของกล่องทำมาพอดีกับตัวบอร์ดครับ
เริ่มประกอบบอร์ดเข้ากับกล่อง
พอประกอบเสร็จหน้าตาออกมาก็ดูดีเหมือนกันนะเนี่ย
ทีนี้คำถามที่ต้องมีแน่ๆ คือเทียบกับ Beaglebone Black และ Raspberry PI อันไหนดีกว่ากัน ตรงจุดนี้ผมขออ้างของผู้ผลิตมาเขียนนะครับและจะใส่ความเห็นลงไปด้วย
OLinuXio ตัวนี้มีข้อดีคือ completely open source ความหมายคือ ทั้ง Hardware และ Software เปิดซอร์สโค้ดให้หมดครับ ไฟล์ CAD ที่ทำ schematics เราสามารถสั่งโรงงานผลิตได้ทันที หรือแก้ไข IO, peripheral เพื่อทำผลิตภัณฑ์หรือบอร์ดของตนเอง โดยชิบ Allwinner A10 มีราคาค่อนข้างถูกและถือว่าน่าสนใจในการนำมาทำ platform embedded linux ของตนเองในระยะยาว
Raspberry PI ไม่ปล่อย CAD มาให้นะครับ ทำบอร์ดเองไม่ได้ และยังใช้ Broadcom ด้วยซึ่งไม่สามารถหาซื้อได้ในจำนวนน้อยๆ แน่ๆ และเค้าบอกว่า Raspberry PI ถูกออกแบบมาสำหรับ Home gadget หรือ commercial grade แตกต่างจากบอร์ดนี้ที่เป็น Industrial grade ทนอุณหภูมิได้มากกว่า ( -25 +85C )
**** แต่สำหรับมือใหม่ด้านซอฟแวร์และ community Raspberry PI กินขาดครับ เริ่มง่ายกว่ามาก บอร์ดนี้ต้องเริ่มใช้ Embedded linux มาก่อนถึงจะพอไปได้สำหรับบุคคลเพิ่งเริ่มผมก็แนะนำ Beaglebone Black หรือ Raspberry PI อยู่ดี
Beaglebone Black มี CAD มาให้ เป็น completely opensource เหมือนกัน แต่ข้อเสียเด็ดขาดคือเป็น Cortex A8 ที่ไม่มี Hardware video codec ทำให้การเล่นวีดีโอค่อนข้างแย่ ดังนั้นด้าน multimedia จะสู้บอร์ดนี้ไม่ได้เลย
**** แต่ทดแทนด้วยความสามารถอย่างอื่นมาเต็มอยู่ดีเช่นถ้าจะทำหุ่นยนต์ฉลาดๆ ซักตัวผมก็ยังแนะนำ BeagleboneBlack
ไครสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดตามอ่านได้ที่
https://www.olimex.com/Products/OLinuXino/open-source-hardware
บริษัทไหนหรือไครสนใจอยากลองซื้อต่อจากเราไปเล่นก็ติดต่อมาทาง
connect@deaware.com
ความน่าสนใจที่สุดคือเป็น industrial grade นี่ละครับ